ขั้นตอนในการดูแลรักษามะนาว ช่วงออกดอกถึงเก็บเกี่ยว ผลผลิต

เดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม ส่วนใหญ่มะนาวจะเริ่มติดผลขนาดเล็กถึงใหญ่ ควรมีการให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอีกครั้ง และให้ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 ระยะเดือนนี้เป้ฯช่วงฤดูหนาว กลางวันจะร้อน กลางคืนอากาศเย็น สภาพแวดล้อมเช่นนี้จะทำให้เพลี้ยหอย ไรแดง เพลี้ยไฟ ระบาดได้ง่าย ควรหาทางป้องกันด้วย เมื่อมีเพลี้ยหอยทำลาย โรคราดำจะตามมาทำให้ผิวผลไม่สวย ส่วนไรแดงจะทำให้ใบหงิกงอโดยเฉพาะปลายยอด เพลี้ยไฟ จะเข้าดูดกินน้ำเลี้ยงที่ผิวผลขนาดเล็ก ทำให้เมื่อผลมะนาวโตขึ้นผิวจะมีลักษณะเป็นร้อย หรือเรียกว่า ขี้กลาก ทำให้เสียราคาได้ นอกจากนี้อาจพ่นธาตุอาหารเสริมทางใบ เช่น เล็ก แมงกานีส สังกะสี โบรอน ปัจจุบันมีจำหน่ายในรูปน้ำเป็นปุ๋ยเดียวและอย่าให้มะนาวขาดน้ำในช่วงนี้

เดือน มกราคม มะนาวจะเริ่มขยายผลใหญ่ขึ้นควรให้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 เพื่อบำรุงผลและต้นไม่ให้โทรม ช่วงนี้อากาศหนาว โดยเฉพาะภาคเหนือ จะต้องให้น้ำมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อให้ผลมะนาวมีการเจริญเติบโตที่ปกติ และผลมีคุณภาพดี มีน้ำมาก แ ละมีกลิ่นหอม อาจมีบางผลที่เริ่มแก่บ้างก็สามารถเก็บจำหน่ายได้ การฉีดพ่นสารเคมีป้องกันโรคและแมลง ยังจำเป็นต้องฉีดในช่วงนี้เพราะถ้าไม่ป้องกันจะทำให้ผิวผลเสียหายได้ โดยเฉพาะโรคราดำ โรคแคงเกอร์ เพลี้ยไฟ ไรแดง

เดือน กุมภาพันธุ์ - เมษายน มะนาวเริ่มเก็บเกี่ยวได้บ้าง จึงควรทยอยและเลือกเก็บมะนาวที่เริ่มแก่ โดยเฉพาะช่อผลที่แน่นเกินไป ระยะนี้ไม่ควรฉีดพ่นสารเคมีหรือถ้าจำเป็นต้องฉีดพ่นสารเคมีต้องเก็บผลหลังจากฉีดสารเคมีแล้วอย่างน้อย 15 วันหรือการใช้สารสมุนไพรฉีดพ่น เช่น น้ำส้มควันไม้ ก็ได้

เดือน พฤษภาคม - มิถุนายน หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตส่วนใหญ่หมดแล้วอาจยังมีผลผลิตส่วนหนึ่งเหลืออยู่บนต้นบ้าง ถ้าไม่มากเกินไปก็สามารถเลี้ยงไว้บนต้นได้ หลังจากนั้นควรให้ปุ๋ยสูตร 16-16-16 เพื่อบำรุงต้น และถ้ามีต้นที่กำลังออกดอกใหม่ ควรทำลายดอกทิ้ง ซึ่งมีปลายวิธีในที่นี้จะแนะนำให้ใช้วิธีการตัดแต่งกิ่งเป็นวีที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งที่พอจะทำได้คือการใช้ปุ๋ยยูเรียฉีดพ่นที่ช่อดอกให้ดอกร่วง โดยใช้อัตรา 1 กิโลกรัมผสมน้ำ 20 ลิตร (5%) ฉีดพ่นเฉพาะ ช่อดอก ก็สามารถทำได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามถ้าใช้มากเกินไป อาจทำให้เสียหายต่อตาและกิ่ง หรือใบได้ จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

34 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร