วิธีล่อรากแก้วทนแล้ง โตเร็วประหยัดน้ำ

เกษตรกรที่ปลูกพืชสวนหรือพืชยืนต้นมีรากแก้วปัญหาหนึ่งที่พบคือเหี่ยวตายในฤดูแล้ง เอาใจเราไปใส่ใจพืช แล้วจะรู้ว่า พืชมีพยายามเหลือเกินที่จะมีชีวิตรอดให้ได้ ปัญหาหนักคือฤดูแล้งน้ำหน้าดินถูกเผาระเหยไปในอากาศดินจะแห้งลึกมาก รากแก้วของพืชที่ปลูกใหม่พยายามดิ่งลงล่างเพือดูดเอาความชื้นมาจากใต้ดิน แต่ต้องพบกับความแข็งและแห้งของดินเมื่อดูดน้ำไม่พอเลี้ยงตัวเองขณะเดียวกันแดดจากด้านบนก็เผาอย่างหนัก จะเห็นว่าใบพืชเหี่ยวเฉา เหลือง กรอบ เมื่อรดน้ำๆก็ไม่สามารถซึมลงสู่รากอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรากแก้วจะลังเลสงสัยต่อน้ำที่มีอยู่แต่ด้านบนจึงไม่อยากดิ่งลงล่างมากนัก หยุดรดน้ำเมื่อไร ก็เxี่ยวตายเมื่อนั้นการปลูกรอบต่อไป ควรใช้วิธีล่อรากแก้ว โดยมีวิธีการดังนี้

1.การเตรียมหลุมเตรียมเหมือนหลักวิชาการเกษตรทั่วไปเช่นขุดหลุมกว้าง ยาว ลึก 50 ซ.ม.ดินบนลงล่างดินล่างอยู่บนผสมปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมีเหมือนเดิม

2.เมื่อกลบดินเดิมเรียบร้อยแล้วนำท่อแป็บ ขนาด 2หรือสามนิ้ว 1 ท่อนมาทิ่มลงตรงตำแหน่งที่จะปลูกพืช โดยทิ่มลงแนวดิ่งหลายๆครั้งแล้งดึงขึ้นมาเคาะดินออกจากรูท่อ แล้วทิ่มลงไปใหม่ตามวิธีเดิมจนได้ความลึกที่เป็นระดับความชื้นใต้ดิน เช่น 1เมตรครึ่ง 2 เมตร 3 เมตร เป็นต้น

3.นำดินชั้นบนๆผสมปุ๋ยคอกและแกลบตามความเหมาะสม(ใช้แกลบมากหน่อย)คุกเคล้าให้ดี ค่อยๆหยอดลงไปจนเต็มรูแต่ไม่ควรกดดินจนแน่นเกินไป

4.ปลูกพืชตรงจุดนำร่องนั้น

5.อาจปักไม้มัดต้นกันล้ม หรือทำที่กำบังแดด คลุมโคนตามความเหมาะสม รดน้ำตามแบบเดิม

6.นำวิธีรดน้ำแบบ รดรากแก้วที่ได้ลงไว้ในกระทู้ก่อน มาปฏิบัติประกอบด้วย

วิธีการปลูกพืชแบบล่อรากแก้วนี้ อาศัยหลักการว่าเอาปุ๋ยมาล่อให้รากแก้วติดตามลงไปกินตลอดระยะทางตามรูนำร่อง และความชื้นที่มีอยู่ใต้ดินลึกๆนั้นถูกรากแก้วดูดขึ้นมาใช้ได้โดยสะดวก เมื่อพืชลงรากแก้วถึงระดับความชื้นได้แล้ว ปัญหาการตายด้วยสาเหตุจากการขาดน้ำก็หมดไป แดดแรงขนาดไหนก็ไม่กลัวไม่ต้องรดน้ำ มีแต่จะโตวันโตคืน

สำคัญต้องใช้กับต้นพันธุ์ที่เพาะเมล็ดหรือเสียบยอด

932 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร